การชุบคือกระบวนการชุบโลหะหรือโลหะผสมชนิดอื่นบาง ๆ บนพื้นผิวโลหะบางชนิดโดยใช้หลักการอิเล็กโทรไลซิส เพื่อป้องกันการเกิดออกซิเดชันของโลหะ (เช่น สนิม) เพิ่มความทนทานต่อการสึกหรอ การนำไฟฟ้า การสะท้อนแสง ความทนทานต่อการกัดกร่อน (คอปเปอร์ซัลเฟต ฯลฯ) และปรับปรุงรูปลักษณ์ให้ดีขึ้น เป็นต้น
เมื่อชุบโลหะหรือวัสดุที่ไม่ละลายน้ำอื่นๆ ให้เป็นขั้วบวก ชิ้นงานที่จะชุบจะเป็นขั้วลบ ไอออนบวกของโลหะที่เคลือบจะถูกรีดิวซ์เพื่อสร้างชั้นเคลือบบนพื้นผิวของชิ้นงานที่จะชุบ เพื่อป้องกันการรบกวนจากไอออนบวกอื่นๆ และทำให้ชั้นเคลือบมีความสม่ำเสมอและแข็งแรง จำเป็นต้องใช้สารละลายไอออนบวกของโลหะที่มีสารเคลือบในการชุบด้วยไฟฟ้า เพื่อรักษาความเข้มข้นของไอออนบวกของโลหะที่เคลือบไว้ไม่ให้เปลี่ยนแปลง
วัตถุประสงค์ของการชุบโลหะด้วยไฟฟ้าคือการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติพื้นผิวหรือขนาดของพื้นผิวโดยการชุบโลหะเคลือบลงไป การชุบโลหะด้วยไฟฟ้าสามารถเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อนของโลหะ (โลหะที่ทนต่อการกัดกร่อนจะถูกใช้ในการเคลือบโลหะ) เพิ่มความแข็ง ป้องกันการสึกหรอ ปรับปรุงการนำไฟฟ้า ความเรียบ ทนความร้อน และพื้นผิวที่สวยงาม
การชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อนส่วนใหญ่ใช้ในผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ชั้นชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อนโดยทั่วไปจะมีความหนามากกว่า 35 ไมโครเมตร ข้อกำหนดมาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 80 ไมโครเมตร และบางชั้นอาจสูงถึง 200 ไมโครเมตร ความสามารถในการครอบคลุมที่ดี การเคลือบที่หนาแน่น ปกป้องพื้นผิวภายในได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ใช้ในอุปกรณ์ไลน์การผลิตที่หลากหลายหรือผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่สำคัญและมีความคงทน ชั้นชุบด้วยไฟฟ้ามีความสม่ำเสมอมากกว่าชั้นชุบแบบจุ่มร้อน โดยทั่วไปจะบางกว่า ตั้งแต่ไม่กี่ไมครอนไปจนถึงหลายสิบไมครอน การชุบด้วยไฟฟ้าสามารถใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องจักรกลเพื่อการตกแต่งและป้องกันชั้นผิวที่ใช้งานได้หลากหลาย ยังสามารถซ่อมแซมการสึกหรอและความผิดพลาดจากการตัดเฉือนของชิ้นงานได้ ส่วนชั้นชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อนจะบางกว่า ส่วนใหญ่เพื่อเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อนของโลหะ (การเคลือบโลหะด้วยโลหะที่ทนทานต่อการกัดกร่อน) เพิ่มความแข็ง ป้องกันการสึกหรอ ปรับปรุงการนำไฟฟ้า เสถียรภาพทางความร้อน และความเรียบของพื้นผิว และความสวยงาม
เวลาโพสต์: 22 ก.ค. 2565